ทำงานของคอมพิวเตอร์มี 3 ขั้นตอนหลักคือ การรับข้อมูลเข้า หรืออินพุต (Input) การดําเนินการ
(Process) และการนําขอมูลออก หรือเอาตพุต(Output)

พื้นฐานข้อมูล
ข้อมูลไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอรรูปภาพ เสียงหรือข้อมูลในรูปแบบต่างๆ จะต้องสามารถนำเข้าสู่คอมพิวเตอร และแปลงใหอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมด้วยอุปกรณ์อินพุตที่ให้คอมพิวเตอร์ สามารถดำเนินการจัดเก็บหรือนำไปใช้ในระบบคอมพิวเตอรได
Character Character
- ASCII
- ASCII กับคาแรกเตอรภาษาไทยมาตรฐาน สมอ.
- EBCDIC
- Unicode
การใส่ตัวอักษรจากแป้นพิมพ
- ตัวอักษรที่ใสผานแปนพิมพจะถูกแปลง scan code แลวส่งเขาไป
- สมมุติว่าผู้ใชงานคียตัวอักษร 3 ตัว “D”, “I”, “R” แลวกดคีย Enter คอมพิวเตอรจะแปลง scan code 4 ตัวเปนโคด ASCII ฐานสองเปน1000100, 1001001, 1010010, 0001101
การใสตัวอักษรจากแหล่งอื่น
- OCR (Optical Character Recognition)
- Barcode Reader
- Magnetic Stripe Reader
- Voice Input
เลขจำนวนเต็ม
- ในระบบเลขฐานสอง สามารถแสดงคาโดยใชเลขเพียง 2 ตัวคือ 0 และ 1 โดยอาจจะใช้เครื่องหมาย + และ - รวมทั้งแทนจำนวนทศนิยมไดเชน
- 1000011 = 35 หรือ -1011.0110 = -11.375
- แต่ในคอมพิวเตอรจะรู้จักเฉพาะเลข 0 และ 1 ไมสามารถใชประโยชนจากจุดไดแตสามารถใชเครื่องหมายลบโดยใชเงื่อนไขเพิ่มเติม การเก็บขอมูลจะเปนการเก็บค่าในรีจิสเตอร์ เช่น ถ้าเปนขนาด 8 บิต จะได้
00000000 = 0 00000001 = 1
01000001 = 65 10000001 = 129
10000011 = 131 11111111 = 255
เลขจำนวนเต็มที่ไม่มีเครื่องหมาย
การเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่เปนเลขจํานวนเต็มไมมีเครองหมายจะเก็บเลขฐานสองตามจำนวนบิตที่กำหนด เช่น
8 บิต = 256 ค่า(0-255)
16 บิต = 65,536 (0-65,535)
16 บิต = 4,294,967,296 (0-4,294,967,295)
เลขจำนวนเต็มที่มีเครื่องหมาย
- Sign-and-magnitude : คลายเลขจํานวนเต็มทั่วไป แต่บิตซายสุดเปนบิตเครื่องหมาย
เลข 0 หมายถึงจานวนเต็มบวก และเลข 1 เปนจํานวนเต็มลบ
00110101 = +53
10110101 = -53
- 1’s complement : เกิดจากนําเลขจํานวนเต็มฐานสองจํานวนนั้นลบออกจากค่าที่เปน 1 ทุกบิต
เช่น 1’s complement ของ 10110101 คือ
11111111-10110101 = 01001010 หรือ สลับคาทุกบิตเปนคาตรงขาม
10110101 ---> 01001010
- 2’s complement : เกิดจากบวก 1 เขากับบิตขวาสุดของ 1’s complement เชน หาคา 2’s complement ของ 10110100 คือ
ค่า 1’s complement ของ 10110100 = 01001011
ค่า 2’s complement ของ 10110100 = 01001011+1
= 01001100
เลขทศนิยม
- เลขทศนิยม: จำนวนเต็มที่เปนมาตรฐาน 1 word ประกอบดวยเลข 7 ตัวและเครื่องหมายอีก1 ตัว รูปแบบจะเปน
SMMMMMMM
โดยที่ S คือ Sign ซึ่งเปนบิตที่เก็บเครื่องหมาย
M คือ Mantissa ซึ่งเปนบิตค่าของจํานวนเต็ม
รูปแบบนี้สามารถเก็บค่าจำนวนเต็มในชวง
–9,999,999 < I < 99,999,999
- เลขทศนิยมที่มีเครื่องหมาย: จะมีบิตเครื่องหมาย 2 บิต รูปแบบจะเปน
SEEMMMMM
โดยที่ S คือ Sign ซึ่งเปนบิตที่เก็บเครื่องหมาย
E คือ Exponent ซึ่งเปนบิตที่เก็บเลขชี้กําลัง
M คือ Mantissa ซึ่งเปนบิตค่าของจํานวนทศนิยม
- Excess-50 : กําหนดเปน 100 ชวง โดยแบงครึ่งหนึ่งเปนบวกอีกครึ่งหนึ่งเปนลบ
- การทำ Normalization : เปนการกําหนดรูปแบบของเลขทศนิยมเพื่อใหเกิดความแมนยำ โดยการเลื่อนจํานวนไปทางซายโดยการเพิ่มเลขชี้กำลังจนกว่า 0 ทีนำหน้าจำนวนนั้นถูกกำจัดออกไป รูปแบบมาตรฐานจะเปน
MMMMM x 10EE
เช่น 123.4567 = 123.4567 x 100
= 0.1234567 x 103
= 0.12345 x 103
= 05312345
- เลขทศนิยมในคอมพิวเตอร์ : นำรูปแบบเลขทศนิยมที่มีเครื่องหมายมาประยุกต์ใชงาน ถาใชขนาด 32 บิต จะใชบิตเครื่องหมาย 1 บิต, เลขชี้กำลัง 8 บิต (ใช excess-128 ในชวง 10-128 ถึง 10+127 ) และคาของจํานวนใช 23 บิต (ระหวาง 10-38 ถึง 10+38)
- Packed Decimal : แตละเลขฐานสิบจะเก็บในรูปแบบ BCD ที่ใช 2 ตัวเลขเปน 1 ไบตตัวเลขที่มีคานัยสําคัญสูงสุดจะเก็บไวกอนในบิตที่มีคามากของไบตแรก เครื่องหมายถูกเก็บอยู่ในบิตที่มีค่าต่ำของไบตสุดท้ายสามารถเก็บค่าไดถึง 31 ตัวเลขคาเลขฐานสอง 1100 และ 1101 ใชแสดงเครื่องหมาย + และ – ตามลำดับ ส่วนค่า 1111 ใชเพื่อกําหนดวาจำนวนนั้นไมมีเครื่องหมาย
ขอมูลรูปภาพ
- Raster image --> Bitmap, GIF, JPG
- Vector image --> Graphical object, Object image
- SVG (Scalable Vector Graphics)
- Macromedia Flash
- รูปภาพแบบ Object
- รูปภาพแบบ Postscript
- การแสดงCharacterเป็นรูปภาพ
- รูปภาพแบบวิดีโอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น